ข้อแนะนำการเตรียมข้อมูลเบื้องต้นเพื่อให้มั่นใจว่า ธุรกิจของท่านมีความพร้อม ก่อนจะพิจารณาทางเลือกในการเปิดโอกาสให้มีการควบรวมหรือการเข้าซื้อกิจการ

  • 3 years P&L, งบการเงิน สามปี
  • Audited Financial Report, งบที่ตรวจสอบแล้ว
  • Business Structure, โครงสร้างการดำเนินธุรกิจ
  • หนังสือจดทะเบียนบริษัทและ หนังสือบริคณห์สนธิ
  • Product catalog, โบรชัวร์บริษัท
  • Website เว็บไซต์

ข้อมูลต่างๆต้องมี หากไม่มีเดินหน้าต่อไม่ได้ เพราะท้ายที่สุดแล้วผู้ซื้อก็ต้องดูหลักฐานสนับสนุน

สิ่งที่ขอแนะนำตรงไปตรงมาว่า
เคสต่างๆ ต่อไปนี้เป็นไปได้ยากมาก
ถึงเป็นไปไม่ได้ (คุยกันก่อนจะได้ไม่เสียเวลา)

  • ถ้าบริษัทเปิดมาไม่เกิน 3 ปี (บางบริษัทเปิดนานแล้วแต่ไม่ส่งงบ หรือ เพิ่งแปลงจาก หจก)
  • บัญชีติดลบ ตลอด (จะประหยัดภาษีหรือเหตุผลอะไร แม้จะมีบัญชีภายในอีกเล่ม ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเล่มที่สองมีที่มาของตัวเลขอย่างไร )
  • ทรัพย์สิน เช่น ที่ดิน อาคาร มูลค่าสูงมาก เอาออกจากการประเมินก่อน (ถ้าคนซื้อจะเอาค่อยบวกกลับที่หลัง หลังจากประเมินมูลค่ากิจการแล้ว) ผู้ซื้อส่วนใหญ่ไม่เน้นซื้อทรัพย์สิน เลยห้ามฝากมาด้วย
  • หนี้สิน มากกว่าทรัพย์สิน ทั้ง Fixed และ Current
  • ผู้ขายอาจมีราคาขายในใจได้ (Asking Price) แต่สุดท้ายผู้ซื้อเขาจะทำการประเมินด้วยวิธีของเขาเพื่อหาราคาที่เป็นธรรมและเหมาะสม(Fair Value) หากผู้ขายไม่รู้ราคาที่ควรตั้งว่าเป็นเท่าไหร่ อาจจะเสียโอกาสได้ เช่น เรียกราคาถูกเกิน(เสียโอกาส) หรือเรียกราคาแพงเกินจนผู้ซื้อหนี(เพราะกลัวว่าผู้ซื้อตั้งใจจะโก่งราคาโดยไม่ดูมูลค่าที่ควรเป็น) **ผู้ขายสามารถใช้บริการบริษัท SEA Consulting ทำ Business Valuation ได้ (มีค่าใช้จ่าย)**
  • สิ่งที่ไม่ควรทำมากๆ คือ เอาแผนธุรกิจที่สวยงามมาตั้ง และวางแผนว่าธุรกิจจะเติบโตอย่างไร แล้วนำเอารายได้คาดการณ์ในอนาคต มาวางเพื่อใช้ในการประเมินมูลค่าธุรกิจ (แบบนี้ลบความคิดไปเลย ที่เรากำลังทำคือการประเมินมูลค่าปัจจุบัน จากข้อมูลในอดีต เพื่อการซื้อขายหุ้นหรือกิจการ ไม่ใช่การวางแผนในอนาคตแล้วพรีเซ็นต์ขออนุมัติเงินทุนเพื่อการทำธุรกิจ สองอย่างนี้คนละเรื่อง ขอให้เข้าใจตรงกัน แล้วโอกาสงานสำเร็จจะมีมากยิ่งขึ้น)